เพชรียา พิลัย
petchariya14@gmail.com
วันจันทร์ที่ 5 มีนาคม พ.ศ. 2555
การทำอาหาร
|
วันเสาร์ที่ 11 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2555
การใช้คอมพิวเตอร์
ประมาณปี พ.ศ. 2500 คอมพิวเตอร์มีอยู่ในโลกนี้ไม่มากนัก ส่วนใหญ่จะเป็นระบบเมนเฟรม ซึ่งมีขนาดใหญ่และราคาแพง ส่วนมากจะใช้งานทางด้านวิทยาศาสตร์เท่านั้น ซึ่งจะไม่เกี่ยวข้องกับชีวิตประจำวันมากนัก แต่ในปัจจุบันคอมพิวเตอร์ได้มีขนาดเล็กลง และ ราคาก็ไม่แพงนัก คนทั่วไปสามารถซื้อหามาใช้ได้เหมือนกับ เครื่องใช้ไฟฟ้าโดยทั่วไป ในหน่วยงานทั้งภาครัฐบาลและเอกชน ก็มีการนำคอมพิวเตอร์มาใช้ในหน่วยงานขึ้น และมีแนวโน้มที่จะมีการใช้สูงขึ้น โดยปัจจุบันการใช้คอมพิวเตอร์ มีหลากหลายลักษณะ ได้แก่
- คอมพิวเตอร์ในสถานศึกษา ปัจจุบันตามสถานศึกษาต่างๆ ได้มีการนำคอมพิวเตอร์มาใช้ในการเรียนการสอนอย่างมากมาย รวมทั้งใช้คอมพิวเตอร์ในงานบริหารของโรงเรียน เช่น การจัดทำประวัตินักเรียน ประวัติครูอาจารย์ การคัดคะแนนสอบ การจัดทำตารางสอน ใช้คอมพิวเตอร์ ในงานห้องสมุด การจัดทำตารางสอ น เป็นต้น ตัวอย่างในการประยุกต์ด้านการศึกษา เช่น โปรแกรมรายงานการลงทะเบียนเรียน โปรแกรมตรวจข้อสอบ เป็นต้น
- คอมพิวเตอร์ในงานวิศวกรรม คอมพิวเตอร์สามารถจะทำงานในด้านวิศวกรรมได้ตั้งแต่ขั้นตอนการลอกเขียนแบบ จนกระทั่งถึงการออกแบบโครงสร้างของสถาปัตยกรรมต่างๆ ต ลอดจน ช่วยคำนวณโครงสร้าง ช่วยในการวางแผน และควบคุมการสร้าง
- คอมพิวเตอร์ในงานวิทยาศาสตร์ คอมพิวเตอร์สามารถทำงานร่วมกับเครื่องมือทางวิทยาศาสตร์ต่างๆ เช่น เครื่องมือวิเคราะห์สารเคมี เครื่องมือการทดลองต่างๆ แม้กระทั่งการเดินทางของยานอวกาศต่างๆ การถ่ายพื้นผิวโลกบนดาวอังคาร เป็นต้น
- คอมพิวเตอร์ในงานธุรกิจ คอมพิวเตอร์สามารถจัดเก็บข้อมูลได้มากมาย มีความรวดเร็ว และถูกต้อง ทำให้สามารถได้ข้อมูลที่ช่วยให้สามารถตัดสินใจในการ ดำเนินธุรกิจ ตลอดจนงานทางด้านเอกสารงานพิมพ์ต่างๆ เป็นต้น
- คอมพิวเตอร์ในงานธนาคาร ในแวดวงธนาคารนับได้ว่าคอมพิวเตอร์ได้เข้ามามีบทบาทมากที่สุด เพราะธนาคารจะมีการนำข้อมูล (Transaction) เป็นประจำทุกวัน การหาอัตราดอกเบี้ยต่างๆ นอกจากนี้การใช้บริการ ATM ซึ่งลูกค้าสามารถฝากถอนเงินได้จากเครื่องอัตโนมัติ ซึ่งมำให้สะดวกแก่ผู้ใช้บริการเป็นอย่างยิ่ง และเป็นที่นิยมแพร่หลายในปัจจุบัน
- คอมพิวเตอร์ในร้านค้าปลีก ปัจจุบันเห็นได้ว่า ได้มีธุรกิจร้านค้าปลีกหรือที่เรียกว่า "เฟรนไซน์" เป็นจำนวนมาก ได้มีการนำคอมพิวเตอร์เข้ามาใช้ในการ ให้บริการลูกค้า เช่น ให้บริการชำระ ค่าน้ำ - ไฟฟ้า ค่าโทรศัพท์ เป็นต้น จะเห็นได้ว่ามีการ online ระหว่างร้านค้าเหล่านั้นกับหน่วยงานนั้นๆ เพื่อสามารถตัดยอดบัญชีได้ เป็นต้น
- คอมพิวเตอร์ในวงการแพทย์ คอมพิวเตอร์ได้ถูกนำมาใช้ในการเก็บประวัติของคนไข้ ควบคุมการรับ และจ่ายยา ตลอดจนยังอยู่ในอุปกรณ์เครื่องมือทางการแพทย์ เช่น เครื่องมือผ่าตัด บันทึกการเต้นของหัวใจ ตรวจคลื่นสมอง และด้านการหาตำแหน่งของอวัยวะก่อนการผ่าตัด เป็นต้น
- คอมพิวเตอร์ในการคมนาคม และการสื่อสาร ในยุคปัจจุบัน เราเรียกว่าเป็นยุคที่เป็นการสื่อสาร แบบไร้พรมแดน จะเห็นได้ว่า มีการสื่อสารในรูปแบบต่าง ๆ ในเครือข่ายสาธาระณะ ที่เรียกว่า เครือข่ายอินเทอร์เน็ต ซึ่งสามารถที่จะสื่อสาร กับทุกคนได้ทั่วมุมโลก โดยผ่านเครือข่ายคอมพิวเตอร์นี้ และยังมีโปรแกรมที่ สามารถจะใช้ในการพูดคุยกันได้ ไม่ว่าจะเป็นเครื่องคอมพิวเตอร์ด้วยกันใช้คุยกัน หรือจะเป็นเครื่องคอมพิวเตอร์สื่อสาร กับเครื่องโทรศัพท์ที่บ้านหรือที่ทำงาน หรือแม้กระทั่งการส่ง pager ในปัจจุบันสามารถส่งทางเครือข่ายคอมพิวเตอร์ไปยังเครื่องลูกได้ เป็นต้น สำหรับการใช้คอมพิวเตอร์ ในทางโทรคมนาคมจะเห็นว่า ปัจจุบันการจองตั๋วเครื่องบิน จะมีการนำเอาคอมพิวเตอร์มาใช้เป็นจำนวนมาก รวมถึงการจองตั๋วผ่านทาง Internet ด้วยตนเอง เห็นได้ว่าเพิ่มความสะดวกสบาย ให้แก่ผู้ใช้บริการ และนอกจากนี้ ยังมีเครือข่ายของสายการบินทั่วโลก ทำให้ผู้ใช้บริการสามารถเลือกจองได้ ตามสายการบินต่างๆ เป็นต้นตัวอย่าง การตรวจสอบราคาค่าโดยสาร และเวลาของแต่ละเที่ยวบินผ่านทาง internet
- คอมพิวเตอร์ในงานด้านอุตสาหกรรม ในวงการอุตสาหกรรมนับได้ว่า คอมพิวเตอร์ได้เข้ามามีบทบาทเป็นอย่างมาก ตั้งแต่การวางแผนการผลิต กำหนดเวลาการผลิต จนกระทั่งถึงการผลิตสินค้า ควบคุมระบบ การผลิตทั้งหมด ในรายงานทางอุตสาหกรรม ได้มีการนำคอมพิวเตอร์มาใช้ใน การควบคุมการทำงานของเครื่องจักร เช่น การเจาะ ตัด ไส กลึง เป็นต้น ตลอดจนโรงงานผลิตรถยนต์ ก็จะใช้ หุ่นยนต์คอมพิวเตอร์ในการทาสี พ่นสี รวมถึงการประกอบนรถยนต์ เป็นต้น
- คอมพิวเตอร์ในวงราชการ คอมพิวเตอร์ถูกนำมาใช้ในงานทะเบียนราษฏร์ ช่วยในการนับคะแนนการ เลือกตั้ง และการประกาศผลเลือกตั้ง การคิดภาษีอากร การเก็บข้อมูล สถิติสัมมโนประชากร การเก็บเงินค่าไฟฟ้า น้ำประปา ค่าใช้โทรศัพท์ เป็นต้น
ยาสามัญประจำบ้าน
ยาสามัญประจำบ้าน | ||||||||||||||||||||
|
การทานยา
การกินยา
การที่จะทราบว่าการกินยาก่อนอาหาร หรือหลังอาหารสำคัญอย่างไรนั้น เราต้องทราบก่อนว่าขั้นตอนที่ยาจะไปออกฤทธิ์นั้นเป็นอย่างไร เวลาเรากินยาเข้าไปถ้าเป็น ยาเม็ดหรือแคปซูล ยานั้นจะแตกออกเป็นส่วนเล็ก ๆ ก่อน แล้วละลายในน้ำซึ่งอยู่ในกระเพาะและทางเดินอาหาร
หลังจากนั้นก็จะถูกดูดซึมเข้าผนังทางเดินอาหาร เข้าสู่กระแสเลือดไปยังส่วนต่าง ๆ ของร่างกายต่อไป แต่ถ้าเป็น ยาน้ำ ขบวนการนี้ก็จะเร็วขึ้นยาจะออกฤทธิ์เมื่อได้เข้าไปอยู่ในกระแสเลือดแล้ว และต้องมีปริมาณสูงพอด้วย
- อาหารบางอย่างมีผลต่อการดูดซึมของยา ยาบางตัวก็มีผลต่อกระเพาะอาหาร เช่น ทำให้เกิดการระคายเคือง ดังนั้น การกินยาก่อนหรือหลังอาหาร จึงมีความสำคัญขึ้นกับว่าต้องการผลการของยาในแง่ใด ปกติเมื่อกระเพาะมีอาหารอยู่เต็ม ยาจะถูกดูดซึมเข้ากระแสเลือดได้น้อยกว่า และใช้เวลามากกว่าเมื่อกระเพาะว่าง จากที่กล่าวมาแล้ว ถ้าเรากินยาก่อนอาหารทันที, หลังอาหารทันที หรือกินยาพร้อมอาหาร จะมีความหมายแทบจะไม่แตกต่างกัน ซึ่งถือว่ากินยาในห้วงเวลาที่กระเพาะอาหารไม่ว่างเหมือนกัน ดังนั้นเราจะกำหนดเวลาไปด้วยว่ากินก่อนอาหารหรือหลังอาหารนานเท่าใด จึงจะได้ผลตามที่ต้องการ เพราะฉะนั้น จะขอแบ่งวิธีการกินยาดังนี้
วิธีการกินยา ประกอบเหตุผล พอเป็นสังเขป
- กินก่อนอาหาร 1 ชั่วโมง เราต้องการให้ได้รับยาขณะที่ท้องว่าง เพื่อให้ยาดูดซึมได้ดีที่สุด ยาพวกที่ต้องกินแบบนี้ได้แก่ เพนนิซิลลิน, แอมพิซิลิน, ไรแฟมพิซิล เป็นต้น บางทีเราก็ต้องการให้ยาออกฤทธิ์ก่อนอาหารตกถึงกระเพาะ (จะกินก่อนอาหารนานเท่าใดขึ้นกับเวลาตั้งแต่เริ่มกินจนถึงเวลาที่ยาออกฤทธิ์ ซึ่งยาแต่ละตัวจะแตกต่างกันบ้าง) เช่น ยาที่ลดการเกร็ง หรือบีบตัวของกระเพาะและทางเดินอาหารคนที่เป็นโรคกระเพาะนั้นมักจะปวดท้อง เมื่ออาหารตกไปถึงกระเพาะ เพราะอาหารเป็นตัวกระตุ้นให้กระเพาะลำไส้บีบตัวมากขึ้น จึงต้องให้ยาออกฤทธิ์ ลดการบีบตัวของกระเพาะลำไส้ โดยกินยาก่อนอาหารประมาณ 1 ชั่วโมง เพื่อให้ยาออกฤทธิ์พอดีเวลาอาหาร ซึ่งจะบรรเทาอาการปวดท้องได้ ยังมียาที่กระตุ้นให้เกิดการอยากอาหาร ก็ต้องกินก่อนอาหารประมาณ 1/2 ชั่วโมง พอยาออกฤทธิ์ จะกินอาหารได้มากขึ้น
- กินหลังอาหารทันที = กินก่อนอาหารทันที = กินพร้อมอาหาร ยาบางตัวหากกินตอนท้องว่างจะทำให้เกิดการระคายเคืองต่อกระเพาะอาหารมาก ทำให้คลื่นไส้อาเจียน แต่ถ้ากินพร้อมอาหารจะช่วยลดการระคายเคืองได้ ยาพวกนี้ได้แก่ ยาแก้ปวดชนิดต่าง ๆ เช่น แอสไพริน, ยาแก้ปวดข้อ เช่น เพนนิลบิวทาโซน, ไอบูโปรเฟน, อินโดเมดทาซิน เป็นต้น นอกจากกินพร้อมอาหารแล้วยาที่มีฤทธิ์เป็นกรด เช่น แอสไพรินการกินน้ำตามมาก ๆ เพื่อไปเจือจาง หรือลดความเป็นกรดให้น้อยลง ก็ช่วยลดการระคายเคืองได้
- กินยาหลังอาหาร 1 ชั่วโมง ยาบางชนิดจะออกฤทธิ์นาน เมื่อกินหลังอาหาร เช่น ยาลดกรดซึ่งมีผู้ทดลองได้ผลว่า ถ้าให้ยาในขณะที่ท้องว่าง ยาจะออกฤทธิ์นานประมาณ 30 นาที แต่ถ้าให้ยาหลังอาหาร 1ชั่วโมง ยาจะออกฤทธิ์นาน 4 ชั่วโมง ดังนั้นจึงกำหนดให้กินหลังอาหาร 1 ชั่วโมง
ไหน ๆ ก็พูดถึงยาก่อนอาหาร, หลังอาหาร, พร้อมอาหารมาแล้ว ขอพูดถึงยา
- กินก่อนนอน สักเล็กน้อย ยาบางชนิดกินแล้วทำให้ง่วงมึนงง เช่น ยาคลายกังวล, ยาแก้แพ้ซึ่งเป็นส่วนผสมของยาแก้หวัด ลดน้ำมูก จึงควรกินก่อนนอน ซึ่งนอกจากจะช่วยให้ปลอดภัยในขณะทำงานเกี่ยวกับเครื่องจักร หรือขับรถในเวลากลางวันแล้ว ยังทำให้หลับได้อย่างสบายในเวลากลางคืนอีกด้วย
จึงขอสรุปได้ว่า จะกินยาก่อนอาหาร หรือหลังอาหารขึ้นกับวัตถุประสงค์ในการให้ยานั้น ๆ ออกฤทธิ์ให้ได้ผลมากที่สุด มีผลข้างเคียงน้อยที่สุด ส่วนจะก่อน - หลังนานเท่าใดนั้นขึ้นกับเวลาตั้งแต่เริ่มกินยาจนถึงเวลาที่ยาถูกดูดซึมเข้าผนังทางเดินอาหารหมด หรืออาจเลยไปถึงเวลาที่ยาออกฤทธิ์แล้วแต่ว่าเราต้องการผลอันไหน
คงจะเห็นแล้วว่า เวลากินยาก่อนหรือหลังอาหารมีความสำคัญเพียงใด ดังนั้นเพื่อผลการรักษาที่ดีที่สุด ผู้ป่วยควรกินยาตามเวลาที่กำหนดไว้อย่างเคร่งครัด ผลดีก็จะตกอยู่กับตัวของผู้ป่วยเอง
การที่จะทราบว่าการกินยาก่อนอาหาร หรือหลังอาหารสำคัญอย่างไรนั้น เราต้องทราบก่อนว่าขั้นตอนที่ยาจะไปออกฤทธิ์นั้นเป็นอย่างไร เวลาเรากินยาเข้าไปถ้าเป็น ยาเม็ดหรือแคปซูล ยานั้นจะแตกออกเป็นส่วนเล็ก ๆ ก่อน แล้วละลายในน้ำซึ่งอยู่ในกระเพาะและทางเดินอาหาร
หลังจากนั้นก็จะถูกดูดซึมเข้าผนังทางเดินอาหาร เข้าสู่กระแสเลือดไปยังส่วนต่าง ๆ ของร่างกายต่อไป แต่ถ้าเป็น ยาน้ำ ขบวนการนี้ก็จะเร็วขึ้นยาจะออกฤทธิ์เมื่อได้เข้าไปอยู่ในกระแสเลือดแล้ว และต้องมีปริมาณสูงพอด้วย
- อาหารบางอย่างมีผลต่อการดูดซึมของยา ยาบางตัวก็มีผลต่อกระเพาะอาหาร เช่น ทำให้เกิดการระคายเคือง ดังนั้น การกินยาก่อนหรือหลังอาหาร จึงมีความสำคัญขึ้นกับว่าต้องการผลการของยาในแง่ใด ปกติเมื่อกระเพาะมีอาหารอยู่เต็ม ยาจะถูกดูดซึมเข้ากระแสเลือดได้น้อยกว่า และใช้เวลามากกว่าเมื่อกระเพาะว่าง จากที่กล่าวมาแล้ว ถ้าเรากินยาก่อนอาหารทันที, หลังอาหารทันที หรือกินยาพร้อมอาหาร จะมีความหมายแทบจะไม่แตกต่างกัน ซึ่งถือว่ากินยาในห้วงเวลาที่กระเพาะอาหารไม่ว่างเหมือนกัน ดังนั้นเราจะกำหนดเวลาไปด้วยว่ากินก่อนอาหารหรือหลังอาหารนานเท่าใด จึงจะได้ผลตามที่ต้องการ เพราะฉะนั้น จะขอแบ่งวิธีการกินยาดังนี้
วิธีการกินยา ประกอบเหตุผล พอเป็นสังเขป
- กินก่อนอาหาร 1 ชั่วโมง เราต้องการให้ได้รับยาขณะที่ท้องว่าง เพื่อให้ยาดูดซึมได้ดีที่สุด ยาพวกที่ต้องกินแบบนี้ได้แก่ เพนนิซิลลิน, แอมพิซิลิน, ไรแฟมพิซิล เป็นต้น บางทีเราก็ต้องการให้ยาออกฤทธิ์ก่อนอาหารตกถึงกระเพาะ (จะกินก่อนอาหารนานเท่าใดขึ้นกับเวลาตั้งแต่เริ่มกินจนถึงเวลาที่ยาออกฤทธิ์ ซึ่งยาแต่ละตัวจะแตกต่างกันบ้าง) เช่น ยาที่ลดการเกร็ง หรือบีบตัวของกระเพาะและทางเดินอาหารคนที่เป็นโรคกระเพาะนั้นมักจะปวดท้อง เมื่ออาหารตกไปถึงกระเพาะ เพราะอาหารเป็นตัวกระตุ้นให้กระเพาะลำไส้บีบตัวมากขึ้น จึงต้องให้ยาออกฤทธิ์ ลดการบีบตัวของกระเพาะลำไส้ โดยกินยาก่อนอาหารประมาณ 1 ชั่วโมง เพื่อให้ยาออกฤทธิ์พอดีเวลาอาหาร ซึ่งจะบรรเทาอาการปวดท้องได้ ยังมียาที่กระตุ้นให้เกิดการอยากอาหาร ก็ต้องกินก่อนอาหารประมาณ 1/2 ชั่วโมง พอยาออกฤทธิ์ จะกินอาหารได้มากขึ้น
- กินหลังอาหารทันที = กินก่อนอาหารทันที = กินพร้อมอาหาร ยาบางตัวหากกินตอนท้องว่างจะทำให้เกิดการระคายเคืองต่อกระเพาะอาหารมาก ทำให้คลื่นไส้อาเจียน แต่ถ้ากินพร้อมอาหารจะช่วยลดการระคายเคืองได้ ยาพวกนี้ได้แก่ ยาแก้ปวดชนิดต่าง ๆ เช่น แอสไพริน, ยาแก้ปวดข้อ เช่น เพนนิลบิวทาโซน, ไอบูโปรเฟน, อินโดเมดทาซิน เป็นต้น นอกจากกินพร้อมอาหารแล้วยาที่มีฤทธิ์เป็นกรด เช่น แอสไพรินการกินน้ำตามมาก ๆ เพื่อไปเจือจาง หรือลดความเป็นกรดให้น้อยลง ก็ช่วยลดการระคายเคืองได้
- กินยาหลังอาหาร 1 ชั่วโมง ยาบางชนิดจะออกฤทธิ์นาน เมื่อกินหลังอาหาร เช่น ยาลดกรดซึ่งมีผู้ทดลองได้ผลว่า ถ้าให้ยาในขณะที่ท้องว่าง ยาจะออกฤทธิ์นานประมาณ 30 นาที แต่ถ้าให้ยาหลังอาหาร 1ชั่วโมง ยาจะออกฤทธิ์นาน 4 ชั่วโมง ดังนั้นจึงกำหนดให้กินหลังอาหาร 1 ชั่วโมง
ไหน ๆ ก็พูดถึงยาก่อนอาหาร, หลังอาหาร, พร้อมอาหารมาแล้ว ขอพูดถึงยา
- กินก่อนนอน สักเล็กน้อย ยาบางชนิดกินแล้วทำให้ง่วงมึนงง เช่น ยาคลายกังวล, ยาแก้แพ้ซึ่งเป็นส่วนผสมของยาแก้หวัด ลดน้ำมูก จึงควรกินก่อนนอน ซึ่งนอกจากจะช่วยให้ปลอดภัยในขณะทำงานเกี่ยวกับเครื่องจักร หรือขับรถในเวลากลางวันแล้ว ยังทำให้หลับได้อย่างสบายในเวลากลางคืนอีกด้วย
จึงขอสรุปได้ว่า จะกินยาก่อนอาหาร หรือหลังอาหารขึ้นกับวัตถุประสงค์ในการให้ยานั้น ๆ ออกฤทธิ์ให้ได้ผลมากที่สุด มีผลข้างเคียงน้อยที่สุด ส่วนจะก่อน - หลังนานเท่าใดนั้นขึ้นกับเวลาตั้งแต่เริ่มกินยาจนถึงเวลาที่ยาถูกดูดซึมเข้าผนังทางเดินอาหารหมด หรืออาจเลยไปถึงเวลาที่ยาออกฤทธิ์แล้วแต่ว่าเราต้องการผลอันไหน
คงจะเห็นแล้วว่า เวลากินยาก่อนหรือหลังอาหารมีความสำคัญเพียงใด ดังนั้นเพื่อผลการรักษาที่ดีที่สุด ผู้ป่วยควรกินยาตามเวลาที่กำหนดไว้อย่างเคร่งครัด ผลดีก็จะตกอยู่กับตัวของผู้ป่วยเอง
การจราจร
รับฟังความคิดเห็นประชาชนโครงการก่อสร้างทางเดินยกระดับ(SkyWalk)
ระยะที่ 1 ครั้งที่ 3
เอกสารประกอบ
1 ประกาศกรุงเทพมหานคร เรื่องการรับฟังความคิดเห็นประชาชนต่อโครงการฯ
2 ประกาศกรุงเทพมหานคร เรื่องการขยายการรับฟังความคิดเห็นประชาชนต่อโครงการ
3 เอกสารชี้แจงข้อมูลเพื่อรับฟังความคิดเห็นฯ
4 รูปแบบการดำเนินการ
แบบสอบถาม online
1 เส้นทางสถานีอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ-สี่แยกปทุมวัน
2 เส้นทางสถานีรถไฟฟ้านานา-สถานีรถไฟฟ้าแบริ่ง
3 เส้นทางหน้ามหาวิทยาลัยรามคำแหง-หน้าสนามราชมังคลากีฬาสถาน
สัญญาพร้อมเอกสารที่เกี่ยวข้องกับการดำเนินการจัดซื้อ และติดตั้งกล้องโทรทัศน์วงจรปิด (CCTV) ในพื้นที่กรุงเทพมหานคร....[update 30-09-54]
1. สัญญาจ้างเหมาติดตั้งกล้องโทรทัศน์วงจรปิด (CCTV) รวมอุปกรณ์การทำงานในพื้นที่ 1
(ป้อมปราบศัตรูพ่าย สัมพันธวงศ์ จตุจักร บางซื่อ ปทุมวัน ราชเทวี พญาไท ดินแดง ห้วยขวาง และคลองเตย)
2. สัญญาจ้างเหมาติดตั้งกล้องโทรทัศน์วงจรปิด (CCTV) รวมอุปกรณ์การทำงานในพื้นที่ 2 (สาทร บางรัก วัฒนา ยานนาวา บางคอแหลม บางนา คลองสาน ธนบุรี บางกอกใหญ่ บองกอกน้อย บางพลัด จอมทอง ภาษีเจริญ หลักสี่ ลาดพร้าว สายไหม ดอนเมือง บางกะปิ วังทองหลาง สะพานสุง บึงกุ่ม สวนหลวง ประเวศ มีนบุรี ตลิ่งชัน บางบอน ทุ่งครุ และทวีวัฒนา)
3 .สัญญาจ้างเหมาติดตั้งกล้องโทรทัศน์วงจรปิด (CCTV) พร้อมอุปกรณ์ประกอบ และการเชื่อมโยงสัญญาณไปยังสำนักงานเขตพระนคร และสำนักงานเขตดุสิต
4. สัญญาจ้างเหมาติดตั้งกล้องโทรทัศน์วงจรปิด (CCTV) พร้อมอุปกรณ์การทำงานในพื้นที่กรุงเทพมหานคร 676 กล้อง
รายละเอียดกล้องโทรทัศน์วงจรปิด CCTV ....[update 21-09-54]
1 สรุปจำนวนกล้องโทรทัศน์วงจรปิด (CCTV) ในพื้นที่กรุงเทพมหานคร
2 กล้องโทรทัศน์วงจรปิด CCTV เพื่อการจราจร จำนวน 88 กล้อง
3 รายชื่อจุดติดตั้งกล้องโทรทัศน์วงจรปิด (CCTV) พร้อมอุปกรณ์การทำงาน ในพื้นที่สำนักงานเขต
4 โครงการติดตั้งกล้องโทรทัศน์วงจรปิด (CCTV) เพื่อตรวจสอบและสั่งการแก้ไขปัญหาจราจร
5 ระบบกล้องโทรทัศน์วงจรปิด (CCTV) เพื่อตรวจวัดและรายงานสภาพการจราจร
6 กล้องที่สำนักการศึกษา และสำนักงานเขตดำเนินการ
ประกาศรายชื่อผู้ได้รับการคัดเลือกรวมทั้งชื่อผลงานที่จะส่งประเมิน พร้อมทั้งเค้าโครงเรื่อง
1. นายจักรพงษ์ เทียนพิทักษ์ [update 08-12-54]
2. นายสิทธิศักดิ์ แสงทอง [update 28-11-54]
ประกาศรายชื่อและผลงานที่ผ่านการประเมิน ของผู้ผ่านการประเมิน
1. นายกิตติภณ มูลจัด [update 17-01-55]
2. นางสาวนันทนา เลียบชาย [update 11-10-54]
3. นายธีรวัจน์ หงษ์แสนยาธรรม [update 11-10-54]
4. นายอภิชาต ศุภจิตรสวัสดิ์ [update 11-10-54]
ระยะที่ 1 ครั้งที่ 3
เอกสารประกอบ
1 ประกาศกรุงเทพมหานคร เรื่องการรับฟังความคิดเห็นประชาชนต่อโครงการฯ
2 ประกาศกรุงเทพมหานคร เรื่องการขยายการรับฟังความคิดเห็นประชาชนต่อโครงการ
3 เอกสารชี้แจงข้อมูลเพื่อรับฟังความคิดเห็นฯ
4 รูปแบบการดำเนินการ
แบบสอบถาม online
1 เส้นทางสถานีอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ-สี่แยกปทุมวัน
2 เส้นทางสถานีรถไฟฟ้านานา-สถานีรถไฟฟ้าแบริ่ง
3 เส้นทางหน้ามหาวิทยาลัยรามคำแหง-หน้าสนามราชมังคลากีฬาสถาน
สัญญาพร้อมเอกสารที่เกี่ยวข้องกับการดำเนินการจัดซื้อ และติดตั้งกล้องโทรทัศน์วงจรปิด (CCTV) ในพื้นที่กรุงเทพมหานคร....[update 30-09-54]
1. สัญญาจ้างเหมาติดตั้งกล้องโทรทัศน์วงจรปิด (CCTV) รวมอุปกรณ์การทำงานในพื้นที่ 1
(ป้อมปราบศัตรูพ่าย สัมพันธวงศ์ จตุจักร บางซื่อ ปทุมวัน ราชเทวี พญาไท ดินแดง ห้วยขวาง และคลองเตย)
2. สัญญาจ้างเหมาติดตั้งกล้องโทรทัศน์วงจรปิด (CCTV) รวมอุปกรณ์การทำงานในพื้นที่ 2 (สาทร บางรัก วัฒนา ยานนาวา บางคอแหลม บางนา คลองสาน ธนบุรี บางกอกใหญ่ บองกอกน้อย บางพลัด จอมทอง ภาษีเจริญ หลักสี่ ลาดพร้าว สายไหม ดอนเมือง บางกะปิ วังทองหลาง สะพานสุง บึงกุ่ม สวนหลวง ประเวศ มีนบุรี ตลิ่งชัน บางบอน ทุ่งครุ และทวีวัฒนา)
3 .สัญญาจ้างเหมาติดตั้งกล้องโทรทัศน์วงจรปิด (CCTV) พร้อมอุปกรณ์ประกอบ และการเชื่อมโยงสัญญาณไปยังสำนักงานเขตพระนคร และสำนักงานเขตดุสิต
4. สัญญาจ้างเหมาติดตั้งกล้องโทรทัศน์วงจรปิด (CCTV) พร้อมอุปกรณ์การทำงานในพื้นที่กรุงเทพมหานคร 676 กล้อง
รายละเอียดกล้องโทรทัศน์วงจรปิด CCTV ....[update 21-09-54]
1 สรุปจำนวนกล้องโทรทัศน์วงจรปิด (CCTV) ในพื้นที่กรุงเทพมหานคร
2 กล้องโทรทัศน์วงจรปิด CCTV เพื่อการจราจร จำนวน 88 กล้อง
3 รายชื่อจุดติดตั้งกล้องโทรทัศน์วงจรปิด (CCTV) พร้อมอุปกรณ์การทำงาน ในพื้นที่สำนักงานเขต
4 โครงการติดตั้งกล้องโทรทัศน์วงจรปิด (CCTV) เพื่อตรวจสอบและสั่งการแก้ไขปัญหาจราจร
5 ระบบกล้องโทรทัศน์วงจรปิด (CCTV) เพื่อตรวจวัดและรายงานสภาพการจราจร
6 กล้องที่สำนักการศึกษา และสำนักงานเขตดำเนินการ
ประกาศรายชื่อผู้ได้รับการคัดเลือกรวมทั้งชื่อผลงานที่จะส่งประเมิน พร้อมทั้งเค้าโครงเรื่อง
1. นายจักรพงษ์ เทียนพิทักษ์ [update 08-12-54]
2. นายสิทธิศักดิ์ แสงทอง [update 28-11-54]
ประกาศรายชื่อและผลงานที่ผ่านการประเมิน ของผู้ผ่านการประเมิน
1. นายกิตติภณ มูลจัด [update 17-01-55]
2. นางสาวนันทนา เลียบชาย [update 11-10-54]
3. นายธีรวัจน์ หงษ์แสนยาธรรม [update 11-10-54]
4. นายอภิชาต ศุภจิตรสวัสดิ์ [update 11-10-54]
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)