วันเสาร์ที่ 11 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2555

เพลงพื้นบ้าน

เพลงพื้นบ้าน

[แก้ไข] ความหมายของเพลงพื้นบ้าน

คือ บทเพลงที่เกิดจากคนในท้องถิ่นต่าง ๆ คิดรูปแบบการร้อง การเล่นขึ้น เป็นบทเพลงที่มีท่วงทำนอง ภาษาเรียบง่ายไม่ซับซ้อน มุ่งความสนุกสนานรื่นเริง ใช้เล่นกันในโอกาสต่าง ๆ เช่น สงกรานต์ ตรุษจีน ลอยกระทงไหว้พระประจำปี หรือแม้กระทั่งในโอกาสที่ได้มาช่วยกันทำงาน ร่วมมือร่วมใจเพื่อทำงานอย่างหนึ่งอย่างใด เช่น เกี่ยวข้าว นวดข้าว เป็นต้น

[แก้ไข] ลักษณะของเพลงพื้นบ้าน

        ส่วนมากเป็นการเกี้ยวพาราสี หรือการซักถามโต้ตอบกัน ความเด่นของเพลงพื้นบ้านอยู่ที่ความไพเราะ คารมหรือถ้อยคำง่าย ๆ แต่มีความหมาย กินใจ ใช้ไหวพริบปฏิภาณในการร้องโต้ตอบกัน เพลงพื้นบ้านส่วนใหญ่จะมีเนื้อร้อง และทำนองง่าย ๆ ร้องเล่นได้ไม่ยาก ฟังไม่นานก็สามารถร้องเล่นตามได้ การเล่นเพลงชาวบ้าน จะเล่นกัน ตามลานบ้าน ลานวัด ท้องนา ตามลำน้ำ แล้วแต่โอกาสในการเล่นเพลง เครื่องดนตรี ที่ใช้เป็นเพียงเครื่องประกอบจังหวะ เช่น ฉิ่ง กรับ กลอง หรือเครื่องดนตรี ที่ประดิษฐ์ขึ้นเองบางทีก็ไม่มีเลยใช้การปรบมือประกอบจังหวะสิ่งสำคัญในการร้องเพลงชาวบ้านอีกอย่างก็คือ ลูกคู่ที่ร้องรับ ร้องกระทุ้ง หรือร้องสอดเพลง ซึ่งจะช่วยทำให้เกิดความสนุกสนานครึกครื้นยิ่งขึ้น

[แก้ไข] ประเภทของเพลงพื้นบ้าน

        เพลงพื้นบ้านโดยทั่วไปนั้น มีอยู่ด้วยกันหลายชนิด พอจะแยกประเภทได้ดังนี้ คือแบ่งตามผู้เล่นได้ 2 ประเภทใหญ่ ๆ คือ
  1. เพลงเด็ก
  2. เพลงผู้ใหญ่
1. เพลงเด็ก จำแนกย่อย ๆ ได้ 4 ประเภท ดังนี้
  1. เพลงร้องเล่น เช่น โยกเยกเอย, ฝนตกแดดออก นกกระจอกเข้ารัง
  2. เพลงหยอกล้อ เช่น ผมจุก, ผมม้า, ผมเปีย, ผมแกละ
  3. เพลงขู่ ปลอบ เช่น แม่ใครมา น้ำตาใครใหล, จันทร์เจ้าขา, แต่ช้าแต่ เขาแห่ยายมา
  4. เพลงประกอบการเล่น เช่น จ้ำจี้มะเขือเปราะ, รี รี ข้าวสารมอญซ่อนผ้า
2.เพลงผู้ใหญ่ แบ่งเป็น 6 ประเภท คือ
  1. เพลงกล่อมเด็ก เช่น กาเหว่าเอย, พ่อเนื้อเย็น
  2. เพลงปฏิพากย์ เช่น เพลงฉ่อยเพลงรำวง ซึ่งเพลงปฏิพากย์นี้ต่อมาวิวัฒนาการมาเป็นเพลงลูกทุ่งนั่นเอง
  3. เพลงประกอบการเล่น เช่น รำโทน (ต่อมาคือรำวง), ลูกช่วง, เข้าผี, มอญซ่อนผ้า
  4. เพลงประกอบพิธี เช่น ทำขวัญนาค, แห่นาค, ทำขวัญจุก, แห่นางแมว
  5. เพลงเกี่ยวกับอาชีพ เต้นกำรำเคียว
  6. เพลงแข่งขัน ส่วนใหญ่คือปฏิพากย์
  1. เพลงเด็ก การเล่น เป็นการแสดงออกอย่างหนึ่งในกลุ่มชน จะแตกต่างกันไปตามวัฒนธรรม และเมื่อมีการเล่นเกิดขึ้นก็มักมีบทเพลงประกอบการเล่นด้วย เพลงที่ร้องก็ง่าย ๆ สั้น ๆ สนุกสนาน เช่น รี รี ข้าวสาร, มอญซ่อนผ้า, จ้ำจี้มะเขือเปราะ , แมงมุมขยุ้มหลังคา
  2. เพลงผู้ใหญ่ เพลงผู้ใหญ่มีหลายประเภทดังได้กล่าวมาแล้วข้างต้น นอกจากจะให้ความสนุกสนานบันเทิงใจแล้ว ยังสะท้อนให้เห็นถึงความสามัคคีร่วมใจกันทำสิ่งต่าง ๆ ของสังคมไทย สภาพวิถีชีวิต วัฒนธรรมประเพณีต่าง ๆ ไว้อย่างน่าศึกษาอีกด้วย ด้านเพลงกล่อมเด็กจะเห็นความรักความผูกพันในครอบครัว ธรรมชาติ สิ่งแวดล้อม ตำนาน นิทาน ประวัติศาสตร์ ตลอดจนจินตนาการความรู้สึกนึกคิดของมนุษย์ เนื่องจากความหลากหลายในเพลงกล่อมเด็ก จึงเป็นเพลงที่มีคุณค่าแก่การรักษาไว้เป็นอย่างยิ่ง

[แก้ไข] แก่นแท้...เพลงพื้นบ้าน

        เพลงพื้นบ้านเป็นงานของชาวบ้านซึ่งถ่ายทอดมาโดยการเล่าจากปากต่อปาก อาศัยการฟังและการจดจำ ไม่มีการจดบันทึกเป็นลายลักษณ์อักษร ข้อที่น่าสังเกตก็คือ ไม่ว่าเพลงพื้นบ้านจะสืบทอดมาตามประเพณี มุขปาฐะดังกล่าวข้างต้น ทั้งนี้มิได้หมายความว่า เพลงทุกเพลงจะมีต้นกำเนิดโดยชาวบ้านหรือการร้องปากเปล่าเท่านั้น ชาวบ้านอาจได้รับเพลงบางเพลงมาจากชาวเมือง แต่เมื่อผ่านการถ่ายทอดโดยการร้องปากเปล่า และการท่องจำนานๆเข้าก็กลายเป็นเพลงชาวบ้านไป เช่นเดียวกับกรณีของเพลงรำโทน ที่ผู้วิจัยได้ทำการศึกษา ก็เป็นอีกลักษณะหนึ่ง ที่ได้ผสมผสานระหว่างท่วงทำนองแบบท้องถิ่น แต่มีลีลาการดำเนินทำนองที่เป็นแบบพื้นเมือง

คุณค่าของเพลงพื้นบ้านLink titleLink titleLink titleLink titleLink title
เพลงพื้นบ้านมีคุณค่าหลายประการ ได้แก่ ให้ความสนุกสนานก่อให้เกิดความรักและความสมัคคีกัน สะท้อนวัฒนธรรมประเพณี นอกจากนี้การฝึกร้องและเรียนรู้เพลงพื้นบ้าน ยังเป็นการช่วยให้ผู้ร้องมีคุณสมบัติต่างๆ ดังนี้ 1. มีสติปัญญาเฉลียวฉลาด มีไหวพริบปฏิภานดีในการแก้ปัญหา 2. รู้จักการปฏิบัติตนที่เหมาะสม กับส่วนรวม         ครั้งหนึ่ง พระราชวรวงศ์เธอ กรมหมื่นพิทยาลงกรณ์ ทรงเล่าว่า ได้ทรงแต่งบทเล่นเพลงขึ้นบทหนึ่ง แล้วประทานให้ชาวชนบทซึ่งอ่านหนังสือได้เอาไปร้อง แต่ทรงสังเกตว่า จากกิริยาที่ชาวบ้านคนนั้นแสดงออกมา ถ้าหากปล่อยให้เขาแต่งเองน่าจะเร็วกว่าบทที่นิพนธ์เสียอีก ทรงถามว่า มันเป็นอย่างไร
        คำตอบที่ล้วนแต่เป็นเสียงเดียวกันคือ มันเต็มไปด้วยคำยากทั้งนั้น ถึงตอนเกี้ยวพาราสีผู้หญิงชนบทที่ไหนเขาจะเข้าใจ และไม่รู้ว่าจะร้องตอบได้อย่างไร เรื่องนี้จะเป็นบทแสดงให้เห็นว่า เพลงพื้นเมืองนั้นใช้คำง่าย แต่ได้ความดีไม่จำเป็นต้องสรรหาคำยากมาปรุงแต่งเลย

[แก้ไข] สรุปท้ายบท

        เพลงพื้นบ้านมีคุณค่าอย่างมากมายที่สำคัญคือให้ความบันเทิงสนุกสนาน มีน้ำใจ สามัคคี ในการทำงานช่วยเหลือกัน สะท้อนวัฒนธรรมประเพณี วิถีชีวิต การแต่งกาย ฯลฯ และเป็นการปลูกฝัง ฝึกเด็กให้ครบองค์สี่ คือ
  1. ส่งเสริมให้เด็กมีกำลังกายแข็งแรง
  2. ส่งเสริมให้เด็กมีมีสติปัญญาเฉลียวฉลาด มีไหวพริบปฏิภาณดีในการแก้ปัญหา
  3. ส่งเสริมให้เด็กมีจิตใจงาม มีคุณธรรมประจำใจ
  4. รู้จักปฏิบัติตนต่อส่วนรวมในสังคม

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น