วันเสาร์ที่ 11 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2555

การแต่งกายของประเทศพม่า


หลากหลายสีสันกับการแต่งกายของชาวพม่า

ประเทศพม่านั้นเป็นประเทศที่มีความมั่นคงในทางวัฒนธรรม  พม่ามีศิลปะ วรรณกรรม และวัฒนธรรมที่เป็นของตนเองนับแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน  หากพูดถึงวัฒนธรรม จะหมายรวมถึง การแต่งกายของผู้คน การวาดภาพ การแกะสลัก งานฝีมือต่างๆ ศิลปะการแสดง ขนบประเพณี  ศาสนา ความคิดความเชื่อ  และความเป็นอยู่ของผู้คน

ในบรรดาวัฒนธรรรมทั้งหลายที่กล่าวมานั้น การแต่งกายเป็นส่วนสำคัญส่วนหนึ่งของวัฒนธรรมพม่า แม้การเปลี่ยนแปลงตามยุคสมัยและสภาพแวดล้อมที่แปรเปลี่ยนไป ได้ทำให้วิถีชีวิต ความคิด และ การแต่งกายมีความเปลี่ยนแปลงพร้อมไปด้วย  อย่างไรก็ตาม พม่ายังยึดรูปแบบการต่างกายไว้ได้อย่างมั่นคง ชนิดที่ว่าพอเห็นลักษณะการแต่งตัวในชีวิตประจำวัน ชาวต่างชาติก็พอจะรู้ได้ทันทีว่าเป็นชาวพม่า

ประเทศพม่านั้นเป็นประเทศที่ยังประกอบด้วยชนเผ่าต่างๆอีกมากมาย อาทิ กะฉิ่น กะยา กะเหรี่ยง ฉิ่น พม่า มอญ ยะไข่และ ฉาน(ไทใหญ่) ชนเผ่าเหล่านี้อาศัยอยู่ในท้องถิ่นของตนเอง มีภาษาและการแต่งกายต่างกันไป ซึ่งการแต่งกายของแต่ละชนเผ่านั้นมีความน่าสนใจอยู่มาก แต่ในที่นี้จะขอกล่าวเฉพาะการแต่งกายของชาวพม่าเท่านั้น

 

การแต่งกายของชายชาวพม่า

ผู้ชายพม่าจะสวมโสร่งที่ทำจากฝ้าย ใส่เสื้อเชิ้ตคอตั้งสีขาว ที่เรียกว่า แลกะโดง (]PNd96"t)  สวมรองเท้าแตะคีบที่ทำจากหนังสัตว์  ในเวลาไปงานพิธีต่างๆ ชายพม่าจะสวมโสร่งผ้าไหม ใส่เสื้อเชิ้ตแลกะโดง สวมเสื้อนอกที่เรียกว่า ไต้โป่งอีงจี่ (96bdNx6"vd§yu)    สวมหมวกที่เรียกว่า คองบอง (g-j'Ntgxj'Ntซึ่งทำด้วยผ้าไหมสีอ่อน  และ สวมรองเท้าคีบที่เป็นกำมะหยี่     แต่เดิมนั้นคองบองนี้คือผ้าโพกหัว แต่ปัจจุบันทำเป็นทรงหมวกสวมได้สะดวก บนคองบองจะมีชายผ้าเป็นอย่างหางกระรอก เวลาสวมใส่คองบอง จะให้หางกระรอกอยู่ขวามือ และนิยมสวมให้หางกระรอกห้อยลงมา ไม่ตั้งชี้  ส่วนสีที่นิยมใช้จะเป็นสีชมพูอ่อนหรือสีเหลืองอ่อน โดยเลือกให้เหมาะกับสีของชุดที่สวมใส่

 

การแต่งกายของสตรีพม่า

การแต่งกายของสตรีพม่านั้นอาจดูแปลกตาในท่ามกลางชาวโลก สตรีพม่ามักสวมใส่ซิ่น กับเสื้อผ่าอก ซึ่งเรียกว่า หยี่งซิอีงจี่ (i'Ng0Hvd§yu)  หรือ เสื้อป้ายอก ซึ่งเรียกว่า หยี่งโพงอีงจี่ (i'Nz6"tvd§yu)  ส่วนรองเท้าจะเป็นรองเท้าคีบทำด้วยหนังสัตว์ ในเวลาไปงานพิธีนิยมสวมซิ่นไหมลายตะขอเรียกว่า โจจีเจ้ะถมี (Edb7tWdut-yb9N5,uคือซิ่นที่ทอด้วยกระสวย ๑๐๐ กระสวยขึ้นไป สวมเสื้อผ่าอกหรือป้ายอก ที่ทำด้วยไหม และจะต้องมีผ้าคลุมไหล่ ที่เรียกว่า ปะหว่า (x;j)  ซึ่งจะทอด้วยไหมหรือไม่ก็ตัดเย็บด้วยผ้าลูกไม้ และมักจะมุ่นมวยผม แซมดอกไม้  สตรีชาวพม่านั้นมักชื่นชอบดอกไม้เป็นพิเศษ และให้ความสำคัญต่อเส้นผม จึงชอบที่จะไว้ผมยาว ในยามแต่งกายสวยๆจะต้องหวีผมให้เรียบร้อยโดยอาจมุ่นเป็นมวยแล้วแซมด้วยดอกไม้งามอย่างกล้วยไม้  กุหลาบ  มะลิ  หรือ เอื้องตาเสือ ที่เรียกเป็นภาษาพม่าว่า ตะซีงบาง (l='NxoNt)   สำหรับรองเท้าจะสวมรองเท้าคีบที่ทำด้วยกำมะหยี่ ซึ่งอาจจะเป็นรองเท้าแตะหรือรองเท้าทรงตึกก็ได้

 

สตรีพม่ากับแป้งตะนะคา

เครื่องประทินผิวที่มีชื่อมากที่สุดของสตรีพม่าคือ ตะนะคา(loxN-jt)  ตะนะคานั้นเป็นไม้หอมชนิดหนึ่ง  ความงามของสาวพม่ากับตะนะคาไม่อาจแยกจากกันได้ แม่มักจะทาตะนะคาให้ลูกหลังจากอาบน้ำเป็นประจำ วิธีใช้ตะนะคานั้นไม่ยาก เพียงฝนท่อนตะนะคากับแผ่นหิน โดยใส่น้ำลงไปเล็กน้อยและฝนเพียงเบาๆ ก็จะได้แป้งน้ำตะนะคา ทาตะนาคาจะมีกลิ่นหอมกรุ่น ช่วยให้เย็นสบายตัวและให้ความรู้สึกสดชื่น พม่ามักใช้ตะนะคาทุกวัน เพราะเชื่อว่าจะช่วยให้ผิวนุ่มเนียน

 

สตรีพม่ากับเครื่องประดับ

ในเรื่องการแต่งกายของสตรีพม่า เครื่องประดับเป็นสิ่งสำคัญมากสิ่งหนึ่ง ประเทศพม่ามีอัญมณีสวยๆเป็นจำนวนมาก และนั่นเป็นอีกเหตุผลหนึ่งที่สตรีชาวพม่านิยมชมชอบสวมใส่เครื่องประดับที่ทำด้วยอัญมณี ในบรรดาอัญมณีต่างๆที่สตรีชาวพม่านิยมนั้น ได้แก่  เพชร ทับทิม ไพลิน หยก และมุก

 

ชุดแต่งงานของชาวพม่า

ในบรรดาชุดแต่งกายของชาวพม่านั้น ชุดแต่งงานเป็นชุดที่สวยงามและดูสง่า ชาวพม่านั้นโดยส่วนใหญ่แล้วจะครองชีวิตคู่กับคู่ครองของตนไปตลอดชีวิต ดังนั้นงานมงคลสมรส ซึ่งจะจัดได้เพียงครั้งเดียวในชีวิต จึงต้องจัดให้หรูหราและงดงามเท่าที่จะทำได้ แม้จะต้องใช้เงินมากก็ตามที และงานมงคลสมรสนี้ยังเป็นโอกาสดีที่พ่อแม่ พี่น้อง ญาติมิตร ได้มาพบกันพร้อมหน้า และสนุกสนานร่วมกัน

ในการจัดงานสมรสนั้น ผู้มีฐานะมักจะจัดกันที่โรงแรม ส่วนคนที่ไม่ค่อยมีเงินนัก ก็จะนิยมจัดที่วัดหรือที่บ้านของตนเอง ในงานสมรส สิ่งที่สำคัญที่สุดสำหรับบ่าวสาวก็คือ ชุดแต่งงาน ซึ่งสีที่นิยมกันมากคือสีขาว สีเหลืองอ่อน หรือ สีชมพูอ่อนๆ

เจ้าบ่าวนิยมสวมเสื้อ แลกะโดง  และทับด้วยเสื้อนอกไต้โป่งที่ทำด้วยไหม และโสร่งชายยาวที่เรียกว่า ต่องเฉ่ปะโซ (g9k'NiaPNx6C6btที่ทอด้วยไหม และสวมหมวก คองบอง  ส่วนรองเท้าจะเป็นรองเท้าคีบทำด้วยกำมะหยี่

ส่วนชุดแต่งงานของเจ้าสาว มีความสำคัญมาก เพราะแขกที่มางานจะจับตามองกันว่าเจ้าสาวแต่งกายอย่างไร และดูว่าเจ้าสาวจะแซมดอกไม้อะไร จะสวมเครื่องประดับอะไรบ้าง และจะสวมใส่ซิ่น โจจีเจ้ะ ที่มีดิ้นทองหรือไม่ เพราะถือว่าเจ้าสาวจะต้องเป็นคนที่สวยที่สุดในงาน

ในงานแต่งงาน เจ้าสาวนิยมสวมใส่เสื้อที่เรียกว่า  ไถ่มะเตงอีงจี่ (56b'N,lb,Ntvd§yuคือ เสื้อชิ้นใน ที่เป็นอย่างเสื้อเกาะอก และมีเสื้อทับบางๆ เป็นเสื้อแขนยาวที่มีเอวลอยและมีชายโค้งงอนเล็กน้อย ส่วนซิ่นจะเป็นซิ่นไหม โจจีเจ้ะ ที่มีสีและลวดลายเดียวกับเสื้อเกาะอก ซิ่นนี้เวลาสวมจะต้องปล่อยชายยาว เวลาเดินจึงต้องค่อยๆเยื้องย่าง นอกจากนี้จะมีผ้าคลุมไหล่ที่เรียกว่า ปะหว่า เป็นผ้าลูกไม้คลุมจากไหล่ปล่อยชายให้ยาวไปถึงปลายเท้า ทำให้ดูงดงาม การมุ่นมวยผมก็สำคัญ เมื่อมุ่นมวยผมแล้วจะต้องมีปิ่นปักผม ส่วนใหญ่นิยมปิ่นที่ประดับด้วย เพชร ทับทิม ไพลิน หรือ มุก นอกจากนี้ต้องแซมมวยผมด้วยกล้วยไม้หรือเอื้องตาเสือ หรือ ตะซีงบาง ให้ดูงดงาม  จากนั้นจะตกแต่งด้วยเครื่องประดับแหวน กำไล สร้อยอัญมณี และสวมรองเท้าคีบหรือรองเท้าทรงตึก ซึ่งเรียกว่า โป่งด่อพะนะ (x6"g9kNzboxNที่ทำด้วยกำมะหยี่ เจ้าสาวที่ตกแต่งได้เช่นนี้ จะถือว่าเป็นเจ้าสาวที่งามสง่า บ่าวสาวที่แต่งกายถูกต้องงดงามถือเป็นคู่สมรสที่เหมาะสม เพราะเป็นผู้ที่ดูงามในท่ามกลางหมู่ชน 

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น